วิธีพยุง เคลื่อนย้าย และดูแลผู้ป่วยติดเตียงให้ปลอดภัยทุกวัน | มายลักษณ์ เนอร์สซิ่งโฮม

วิธีพยุง เคลื่อนย้าย และดูแลผู้ป่วยติดเตียงให้ปลอดภัยทุกวัน
การดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างถูกวิธีในทุกๆ วันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับทั้งสุขภาพผู้ป่วยและความสบายใจของผู้ดูแล ผู้ป่วยที่เคลื่อนไหวเองไม่ได้หากขาดการดูแลที่เหมาะสมอาจเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น แผลกดทับ การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ปอดติดเชื้อ หรือภาวะทุพโภชนาการ การเรียนรู้วิธีพยุงและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างปลอดภัย รวมถึงการดูแลด้านอื่นๆ จะช่วยป้องกันอันตรายเหล่านี้ได้ และยังป้องกันผู้สูงอายุหกล้มหรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างวันได้ด้วย ในบทความนี้ เราจึงรวบรวมวิธีดูแลผู้ป่วยติดเตียงให้ปลอดภัยทุกวัน ทั้งด้านการเคลื่อนย้าย การจัดท่า การป้องกันแผลกดทับ ตลอดจนการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม พร้อมแนะนำบริการดูแลผู้สูงอายุจาก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่ได้มาตรฐานในกรุงเทพฯและปริมณฑลอย่าง มายลักษณ์ เนอร์สซิ่งโฮม เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลคนที่คุณรัก
การพยุงและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงอย่างปลอดภัย
ผู้ดูแลควรเรียนรู้วิธีพยุงและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงอย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงบาดเจ็บทั้งต่อผู้ป่วยและตัวผู้ดูแลเอง ผู้ดูแลควร สื่อสารกับผู้ป่วย ทุกครั้งก่อนเคลื่อนย้าย แจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่าจะทำอะไร เพื่อสร้างความมั่นใจและป้องกันผู้ป่วยตกใจระหว่างเคลื่อนย้าย จากนั้น เตรียมสภาพแวดล้อมโดยรอบ ให้พร้อม เช่น จัดเก็บสิ่งกีดขวาง เปิดพื้นที่ให้กว้างพอ วางรถเข็นหรืออุปกรณ์ช่วยไว้ใกล้ๆ และล็อคล้อรถเข็นให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยก่อนย้ายผู้ป่วย
เมื่อจะยกหรือพยุงผู้สูงอายุจากเตียงแบบไม่บาดเจ็บ ควรใช้ท่าทางที่ถูกหลักการยกของหนัก: ย่อเข่า โน้มตัวให้ชิดผู้ป่วย หลังตรง แล้วออกแรงจากกล้ามเนื้อขาแทนหลังของผู้ดูแล เพื่อลดโอกาสบาดเจ็บของผู้ดูแลเอง ขณะเดียวกันควร ประคองตัวผู้ป่วย ไว้ตลอดการเคลื่อนย้าย โดยเฉพาะบริเวณส่วนที่ผู้ป่วยอ่อนแรง เช่น ประคองเอวหรือไหล่ผู้ป่วยไม่ให้เซ นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพอขยับตัวได้ ควรให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมช่วยเหลือตนเองเท่าที่ทำได้ เช่น ใช้แขนดึงราวหรือเกาะผู้ดูแล เพื่อให้การย้ายตัวราบรื่นขึ้น ผู้ดูแลไม่ควรรีบร้อนและควรค่อยๆ ยกหรือพยุงอย่างนุ่มนวล หากผู้ป่วยตัวใหญ่น้ำหนักมาก ควรขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลคนอื่น หรือใช้อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนย้าย เช่น แผ่นสไลด์ตัว กระดานเคลื่อนย้าย หรือลิฟต์พยุงตัวผู้ป่วย เพื่อช่วยผ่อนแรงและเพิ่มความปลอดภัย กรณีเคลื่อนย้ายจากเตียงไปยังรถเข็น ให้จัดท่าผู้ป่วยนั่งห้อยขาที่ขอบเตียงก่อน แล้วจึงค่อยๆ พยุงลุกยืนและหมุนตัวไปนั่งยังรถเข็น โดยผู้ดูแลอยู่ใกล้ชิดตลอดขั้นตอนเพื่อกันการพลัดตกหรือทรงตัวเสีย
วิธีพลิกตัวผู้ป่วยติดเตียงอย่างปลอดภัยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ผู้ป่วยที่นอนนานๆ ควรถูกพลิกเปลี่ยนท่าทุก 2 ชั่วโมง อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันแรงกดทับที่จุดใดจุดหนึ่งนานเกินไปซึ่งจะเสี่ยงเกิดแผลกดทับ โดยการพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยที่ถูกวิธี ควรทำอย่างนุ่มนวลและใช้หมอนช่วยรองหลัง แขน ขา ในท่าตะแคงเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยพลิกคว่ำหรือเคล็ดขัดยอก รวมถึงช่วยกระจายแรงกดทับที่ผิวหนัง ผู้ดูแลควรยืนในตำแหน่งที่เอื้อมถึงตัวผู้ป่วยได้ถนัด จัดแขนขาของผู้ป่วยให้อยู่ในแนวที่ปลอดภัยก่อนพลิก (เช่น เหยียดแขนข้างที่จะพลิกลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ตัวมาทับแขนนั้น) จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งจับที่ไหล่และอีกข้างจับที่สะโพกหรือเข่าผู้ป่วย ค่อยๆ พลิกตะแคงตัวเข้าหาตัวผู้ดูแลอย่างระมัดระวัง เมื่อพลิกเรียบร้อยแล้วให้จัดท่าทางผู้ป่วยให้เข้าที่ก่อนปล่อยมือ ตรวจดูแนวศีรษะ คอ หลังว่าอยู่ในแนวตรงไม่บิดงอ ใบหน้าไม่คว่ำลงกับหมอน และจัดหมอนหนุนบริเวณหลังไว้กันผู้ป่วยพลิกกลับ นอกจากนี้ควรใช้ผ้ารองช่วยดึงตัวผู้ป่วยแทนการจับลากกับที่นอนโดยตรง เพื่อป้องกันผิวหนังเสียดสีกับที่นอนจนเกิดแผลถลอก
การดูแลประจำวันเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การบริหารร่างกายและทำกายภาพบำบัดเบาๆ เป็นสิ่งที่ผู้ดูแลสามารถช่วยผู้ป่วยติดเตียงทำทุกวัน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดการยึดติดของข้อต่อ นอกเหนือจากการพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมงแล้ว การป้องกันแผลกดทับ ยังรวมถึงการดูแลสุขอนามัยของผิวหนังผู้ป่วยให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ ผู้ดูแลควรหมั่นสังเกตจุดอับต่างๆ เช่น บริเวณหลัง หัวไหล่ ข้อศอก สะโพก และส้นเท้า หากพบรอยแดงควรพลิกตัวเปลี่ยนท่าหรือใช้หมอนรองบริเวณนั้นเพิ่มเติมทันที อีกทั้งควรทำความสะอาดร่างกายผู้ป่วยเป็นประจำอย่างน้อยวันละครั้ง โดยอาจใช้การเช็ดตัวบนเตียงแทนการอาบน้ำ เพื่อรักษาความสะอาดและความชุ่มชื้นของผิวหนัง ลดความเสี่ยงการติดเชื้อและการเกิดแผลกดทับซ้ำซ้อน ในการเช็ดตัวควรใช้น้ำอุ่น ผ้าสะอาด และซับผิวให้แห้งสนิททุกครั้ง พร้อมทั้งทาโลชั่นที่ผิวหนังผู้ป่วยเป็นประจำเพื่อป้องกันผิวแห้งแตกซึ่งอาจก่อให้เกิดแผลได้
นอกจากเรื่องผิวหนังแล้ว ควรเอาใจใส่การดูแลด้านอื่นๆ ของผู้ป่วยติดเตียงในชีวิตประจำวันด้วย เช่น การทำความสะอาดช่องปากและฟันหลังมื้ออาหาร การจัดท่าผู้ป่วยให้ศีรษะยกสูงประมาณ 30 องศาขณะให้อาหารหรือหลังรับประทานอาหารใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยงการสำลัก รวมถึงการขับถ่ายที่ต้องหมั่นตรวจสอบและเปลี่ยนผ้าอ้อมทันทีเมื่อเปียกชื้น เพื่อลดการอับชื้นและป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การขยับแขนขาและข้อส่วนต่างๆ ของร่างกายผู้ป่วยก็สำคัญ ผู้ดูแลอาจช่วยผู้ป่วยทำกายภาพบำบัดเบื้องต้นหรือบริหารยืดเหยียดกล้ามเนื้อวันละ 1-2 ครั้ง เช่น การช่วยผู้ป่วยหมุนข้อเท้า งอเข่า ยกแขนหมุนไหล่ช้าๆ เท่าที่ผู้ป่วยจะทำได้ เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อและการไหลเวียนเลือด ลดอาการข้อติดแข็งจากการไม่ได้เคลื่อนไหวนานๆ กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งยังเป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ในระยะยาวได้
จัดสภาพแวดล้อมให้ผู้ป่วยปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุ
การจัดห้องพักและอุปกรณ์เครื่องใช้ที่เหมาะสมจะช่วยให้การดูแลผู้ป่วยติดเตียงเป็นไปอย่างราบรื่นและลดอันตรายจากอุบัติเหตุ สำหรับผู้ป่วยติดเตียงที่ดูแลที่บ้าน ควรจัดห้องนอนให้อยู่ชั้นล่างสุดของบ้านเพื่อสะดวกในการเคลื่อนย้ายและลดความเสี่ยงขณะขึ้นลงบันได ห้องนอนควรอากาศถ่ายเทได้ดี สะอาด ไม่มีเสียงรบกวน และจัดวางข้าวของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียบ เพื่อลดสิ่งกีดขวางหรือของร่วงหล่นที่อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บได้ นอกจากนี้ เตียงนอนของผู้ป่วยควรเป็นแบบปรับระดับได้และมีราวกั้นเตียง เพราะเตียงผู้ป่วยที่ปรับระดับได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับการเคลื่อนย้ายและการดูแล โดยสามารถปรับระดับความสูง-ต่ำของเตียงหรือปรับความเอียงของพนักพิงได้ ทำให้ผู้ป่วยสามารถลุกขึ้นนั่งหรือลงจากเตียงได้ง่ายขึ้น อีกทั้งช่วยให้ผู้ดูแลพยุงตัวผู้ป่วยลงจากเตียงได้สะดวกโดยไม่เสี่ยงทำให้ผู้ป่วยบาดเจ็บระหว่างเคลื่อนย้าย ขณะที่ ราวกั้นเตียง จะช่วยป้องกันการพลัดตกเตียงและยังใช้เป็นราวจับห้องน้ำผู้สูงอายุในตัวสำหรับผู้ป่วยที่พอขยับช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง (เช่น ผู้ป่วยบางรายอาจใช้มือจับราวเตียงพยุงตัวพลิกตะแคงหรือดันตัวลุกนั่ง)
พื้นห้องควรเป็นวัสดุกันลื่นหรือมีพื้นผิวเรียบเสมอกัน เพื่อป้องกันผู้สูงอายุหกล้ม หากมีพรมปูพื้นควรติดขอบพรมให้แน่นหนาไม่ให้สะดุดล้ม ระมัดระวังพื้นที่ต่างระดับหรือธรณีประตูสูงๆ ที่อาจทำให้รถเข็นผ่านลำบากและเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ทางเดินภายในบ้านและประตูควรกว้างพอสำหรับการเข็นรถเข็นผู้ป่วยผ่านได้สะดวก ในห้องน้ำควรติดตั้งราวจับห้องน้ำผู้สูงอายุไว้ใกล้กับโถสุขภัณฑ์และจุดอาบน้ำ จัดให้มีเก้าอี้นั่งอาบน้ำหรือโถสุขภัณฑ์แบบนั่งราบสำหรับผู้สูงอายุ แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน และเลือกวัสดุปูพื้นห้องน้ำที่ไม่ลื่น
นอกจากนี้ควรติดไฟส่องสว่างในจุดสำคัญให้เพียงพอทั่วบริเวณที่ผู้ป่วยใช้งาน และหากเป็นไปได้อาจติดตั้งอุปกรณ์เรียกฉุกเฉิน (เช่น กริ่งหรืออุปกรณ์เซ็นเซอร์) ไว้ใกล้เตียงและห้องน้ำ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุจำเป็น การดูแลรักษาความสะอาดสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ควรทำความสะอาดห้องผู้ป่วยทุกวัน ปัดฝุ่น ถูพื้น และฆ่าเชื้อโรคพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค โดยเฉพาะในยุคที่มีโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอย่างโควิด-19 การรักษาสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดโปร่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อผู้ป่วยที่ภูมิต้านทานต่ำได้
บริการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงจากมืออาชีพ
แม้ญาติผู้ดูแลจะสามารถเรียนรู้การดูแลผู้ป่วยติดเตียงได้ แต่ในหลายกรณีการดูแลตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันอาจเป็นภาระที่หนักและต้องอาศัยทักษะเฉพาะทาง หากครอบครัวรู้สึกว่าการดูแลเองที่บ้านไม่สะดวกหรือกังวลเรื่องความปลอดภัย การเลือกใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุใกล้บ้านก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มายลักษณ์ เนอร์สซิ่งโฮม ถือเป็นหนึ่งในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้นที่พร้อมให้บริการครบวงจร โดยมีทีมแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ และผู้ดูแลที่ผ่านการอบรมเฉพาะทางคอยดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลด้านอาหาร โภชนาการที่เหมาะสม การทำกายภาพบำบัดโดยนักกายภาพบำบัดเฉพาะบุคคลตามความจำเป็น รวมถึงมีกิจกรรมฟื้นฟูสุขภาพจิตใจให้ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เหงา ห้องพักและอุปกรณ์ที่ศูนย์ถูกออกแบบและจัดเตรียมให้ปลอดภัยและเหมาะกับผู้สูงอายุ เช่น เตียงผู้ป่วยพร้อมราวกั้น ห้องน้ำพร้อมราวจับและรถเข็นนั่งอาบน้ำ พื้นที่ส่วนกลางโปร่งโล่งสำหรับทำกิจกรรมและพักผ่อน โดยสถานที่มีการรักษาความสะอาดทุกวัน มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดและระบบความปลอดภัยเพื่อให้ญาติมั่นใจว่าผู้สูงอายุจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและปลอดภัยเสมอ
การดูแลผู้ป่วยติดเตียงให้ปลอดภัยในทุกๆ วันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความพยายาม หากผู้ดูแลมีความรู้และความเอาใจใส่เพียงพอ การปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นทั้งเรื่องการพยุงเคลื่อนย้าย การพลิกตะแคงผู้ป่วย การป้องกันแผลกดทับ ตลอดจนการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จะช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุและภาวะแทรกซ้อน ทำให้ผู้ป่วยสุขสบายและปลอดภัยมากขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่หากครอบครัวใดรู้สึกไม่พร้อมหรือไม่มีคนดูแลอย่างต่อเนื่อง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ มายลักษณ์ เนอร์สซิ่งโฮม ก็พร้อมเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะดูแลคนที่คุณรักด้วยทีมงานมืออาชีพและหัวใจความเป็นมนุษย์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงทุกคน
บทความที่คุณอาจสนใจ

วิธีแก้ปัญหาผู้ป่วยติดเตียงเบื่ออาหาร

ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวังในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง

งานอดิเรกสำหรับผู้สูงอายุ เพิ่มคุณค่าและความสุขในการใช้ชีวิต

สมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุ

การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด ตอนที่ 2
