ไม่ใช่หมอก็ช่วยเขาฟื้นฟูได้: 7 เทคนิคดูแลผู้ป่วย Stroke สำหรับมือใหม่

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) มักทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะอัมพฤกษ์หรืออัมพาตตามมา การเริ่มต้นดูแลคนที่คุณรักที่บ้านอาจดูน่ากลัว แต่จำไว้ว่าคุณ ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอ ก็สามารถช่วยฟื้นฟูและ ดูแลผู้ป่วย stroke ให้ปลอดภัยได้ ด้วยความรัก ความเข้าใจ และการเตรียมตัวที่ดี ผู้ดูแลมือใหม่ ก็สามารถทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ทีละน้อยอย่างมั่นใจ บทความนี้ขอนำเสนอ 7 เทคนิคดูแลผู้ป่วย Stroke เบื้องต้น ที่จะช่วยให้ทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่อาจเกิดจากอารมณ์และการเคลื่อนไหวที่ควบคุมไม่ได้ เทคนิคเหล่านี้เน้นความเป็นกันเอง เข้าใจง่าย และให้กำลังใจคุณผู้ดูแลมือใหม่ทุกคน
1. ศึกษาและเข้าใจภาวะของผู้ป่วย
เริ่มต้นจากการ เรียนรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง และผลกระทบที่มีต่อร่างกายผู้ป่วย เช่น การเคลื่อนไหวที่จำกัดหรืออารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงง่าย การมีความรู้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้ป่วย อัมพฤกษ์ หรือ อัมพาต จาก Stroke ต้องการอะไรบ้างในการฟื้นฟู หมั่นสอบถามข้อมูลจากแพทย์ พยาบาล และนักกายภาพบำบัดเกี่ยวกับการดูแลเบื้องต้น รู้วิธีปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์อย่างถูกต้อง เช่น วิธีทำกายภาพบำบัดง่ายๆ หรือท่าทางการจับพยุงผู้ป่วยที่ถูกวิธี การเตรียมความรู้และใจพร้อม จะช่วยให้คุณดูแลได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น
2. ปรับสภาพบ้านให้ปลอดภัย
สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในบ้านเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ผู้ป่วย Stroke อาจทรงตัวได้ไม่ดีและเสี่ยงหกล้มง่าย ดังนั้นควรจัดบ้านใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนไหว เช่น เก็บของให้เป็นระเบียบ เอาพรมหรือสายไฟที่กีดขวางออก ติดราวจับในห้องน้ำและทางเดิน จัดแสงสว่างให้เพียงพอทุกจุด หากผู้ป่วยต้องใช้รถเข็นหรืออุปกรณ์ช่วยเดิน ควรปรับประตูและทางเดินให้กว้างและโล่ง นอกจากนี้ ควรมีอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐาน เช่น กระดิ่งหรืออุปกรณ์เรียกฉุกเฉินใกล้เตียงผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อจำเป็น สภาพแวดล้อมที่ดีจะลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและทำให้ผู้ป่วยรู้สึก มั่นใจในการทำกิจกรรมผู้สูงอายุในบ้าน มากขึ้น
3. ช่วยเคลื่อนย้ายและพลิกตัวอย่างถูกวิธี
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญทั้งต่อผู้ป่วยและตัวผู้ดูแลเอง ผู้ป่วยอัมพฤกษ์อาจลุกนั่งหรือยืนเองไม่ได้ ผู้ดูแลควรเรียนรู้เทคนิคการพยุงตัวผู้ป่วยเพื่อลดการบาดเจ็บ เช่น เมื่อต้องช่วยพยุงผู้ป่วยลุกขึ้นนั่ง ควรประคองศีรษะและหลังผู้ป่วยด้านที่อ่อนแรง อย่างระมัดระวัง ให้ผู้ป่วยใช้แขนข้างที่แข็งแรงดันตัวเองเท่าที่ทำได้ หมั่นพลิกตัวผู้ป่วยที่นอนติดเตียงทุก 2 ชั่วโมงเพื่อป้องกันแผลกดทับ และควรย่อตัวใช้กำลังขาจากท่าที่ถูกต้องเวลายกหรือพยุงผู้ป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้หลังของคุณได้รับบาดเจ็บเอง หากมี เครื่องช่วยพยุงเดิน หรือรถเข็น ก็ควรใช้อย่างถูกวิธี (เช่น ล็อคล้อรถเข็นก่อนให้ผู้ป่วยย้ายตัว) การฝึกเคลื่อนย้ายที่ถูกต้องจะช่วยลดอุบัติเหตุทั้งกับผู้ป่วยและตัวคุณ
4. เข้าใจอารมณ์และให้กำลังใจผู้ป่วย
ผู้ป่วย Stroke มักมีอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย บางครั้งหงุดหงิด โกรธ หรือน้อยใจเนื่องจากทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้เหมือนเดิม ผู้ดูแลควรเข้าใจว่านี่เป็นผลจากภาวะเจ็บป่วยและไม่ถือโทษโกรธเคืองเมื่อผู้ป่วยโมโห การตอบสนองด้วยความสงบและความเข้าใจจะช่วยลดโอกาสเกิดการปะทะทางอารมณ์ ควรพูดคุยให้กำลังใจ ชมเชยเมื่อผู้ป่วยทำสิ่งใดสำเร็จ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง เช่น ฟังเพลงโปรดหรือดูรายการที่ผู้ป่วยชอบด้วยกัน หลีกเลี่ยงการบังคับหรือเร่งรัดผู้ป่วยเกินไปเพราะอาจยิ่งทำให้หงุดหงิด ถ้าผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวนหนัก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม การดูแลด้านจิตใจที่ดีจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่าและมีกำลังใจฟื้นฟูตัวเองต่อไป
5. ส่งเสริมการทำกายภาพบำบัดและกิจกรรมเบาๆ
แม้คุณจะไม่ใช่นักกายภาพบำบัด แต่ก็สามารถช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพฤกษ์ได้ด้วยการทำกายภาพบำบัดพื้นฐานตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักบำบัด เน้นการออกกำลังหรือขยับร่างกายส่วนที่อ่อนแรงเป็นประจำ เช่น ช่วยผู้ป่วยยกแขนข้างที่ไม่มีแรงขึ้นลงช้าๆ บีบลูกบอลยางในมือ หรือฝึกยืดเหยียดขาเบาๆ บนเตียงเป็นต้น การทำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อและการไหลเวียนเลือด กิจกรรมผู้สูงอายุในบ้าน อย่างอื่นที่ช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น ฝึกหยิบจับช้อนส้อม หัดเขียนหนังสือ ระบายสีภาพง่ายๆ หรือเล่นเกมฝึกสมองเบาๆ ร่วมกับครอบครัว สิ่งสำคัญคือทำกิจกรรมเหล่านี้ในระดับที่ผู้ป่วยไหว ไม่หักโหมเกินไปและคอยดูอยู่ข้างๆ เพื่อความปลอดภัย การส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำสิ่งที่ทำได้ด้วยตัวเองทีละน้อยจะทำให้เขารู้สึกภูมิใจและมีความหวังในการฟื้นตัวมากขึ้น
6. ใส่ใจสุขอนามัย อาหาร และการพักผ่อน
สุขภาพทั่วไปของผู้ป่วยเป็นอีกเรื่องที่ผู้ดูแลต้องใส่ใจ ตั้งแต่การดูแลความสะอาดร่างกายไปจนถึงอาหารการกิน ควรรักษาสุขอนามัยของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเช็ดตัวทำความสะอาดผู้ป่วยติดเตียง ป้องกันการเกิดแผลกดทับโดยพลิกตัวบ่อยๆ และดูแลเรื่องการขับถ่ายให้เป็นเวลา ด้านอาหารสำหรับผู้ป่วย Stroke ควรจัดอาหารที่มีประโยชน์ ย่อยง่าย และเน้นผักผลไม้โปรตีนไขมันต่ำ ลดอาหารรสเค็มจัดหรือไขมันสูง หากผู้ป่วยกลืนลำบากควรเตรียมอาหารอ่อนนุ่มและป้อนช้าๆ อย่างระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยงการสำลักน้ำหรืออาหาร นอกจากนี้ควรให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนเพียงพอ นอนหลับในท่าที่สบายและพลิกตัวเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆเพื่อไม่ให้อวัยวะยึดติด ติดตามสัญญาณชีพหรืออาการผิดปกติ เช่น ความดันโลหิต ชีพจร หรืออาการปวดศีรษะฉับพลัน หากสงสัยภาวะแทรกซ้อนหรืออาการโรคหลอดเลือดสมองกำเริบ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที การดูแลด้านสุขอนามัยและโภชนาการที่ดีจะช่วยให้ผู้ป่วยแข็งแรงและลดโอกาสเกิดโรคซ้ำ
7. ขอความช่วยเหลือและดูแลใจผู้ดูแลเอง
การดูแลผู้ป่วยติดบ้านเป็นงานหนัก อย่าลืมว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างคนเดียว หากรู้สึกเหนื่อยหรือไม่มั่นใจในบางเรื่อง ควรขอความช่วยเหลือจากสมาชิกครอบครัวคนอื่นหรือเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ ผลัดกันดูแลเพื่อให้คุณได้พักผ่อนบ้าง สุขภาพกายและใจของผู้ดูแล ก็สำคัญไม่แพ้กัน นอกจากนี้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเข้ารับการอบรมสั้นๆ ในการดูแลผู้ป่วยก็เป็นประโยชน์ ปัจจุบันมีบริการ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และสถานฟื้นฟูสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นบริการพยาบาลดูแลที่บ้าน นักกายภาพบำบัดจัดตารางมาทำกายภาพที่บ้าน หรือการนำผู้ป่วยเข้า ศูนย์ฟื้นฟู ช่วงกลางวันเพื่อทำกิจกรรมบำบัดและพบปะผู้เชี่ยวชาญ ทีมสหวิชาชีพเหล่านี้จะช่วยแบ่งเบาภาระและเสริมการฟื้นตัวของผู้ป่วยได้มาก อย่ารู้สึกผิดหากต้องใช้บริการเหล่านี้เป็นครั้งคราว เพราะเป้าหมายสูงสุดคือสุขภาพและความสุขของทั้งผู้ป่วยและตัวผู้ดูแลเอง
การดูแลผู้ป่วย Stroke ที่บ้านแม้เป็นเรื่องท้าทาย แต่ด้วย 7 เทคนิคข้างต้น ผู้ดูแลมือใหม่ก็สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แม้ไม่ใช่หมอ ก็ตาม สิ่งสำคัญคือความรัก ความอดทน และการเรียนรู้ไปพร้อมกับผู้ป่วย ทีละก้าวเล็กๆ ที่ทำด้วยความเข้าใจจะนำไปสู่การฟื้นตัวที่ยิ่งใหญ่ เชื่อมั่นว่าด้วยหัวใจของผู้ดูแลและกำลังใจที่เข้มแข็ง การฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพฤกษ์ ที่บ้านย่อมเป็นไปได้ และคุณกับคนที่คุณรักจะก้าวข้ามช่วงเวลานี้ไปด้วยกันอย่างเข้มแข็ง
บทความที่คุณอาจสนใจ

ข้อควรระวังในการให้อาหารทางสายยางแก่ผู้ป่วย

วิธีสร้างกำลังใจให้ผู้สูงอายุที่กำลังป่วย

ผู้สูงอายุ กับปัญหาท้องผูก พร้อมคำเเนะนำจากแพทย์

เนอร์สซิ่งโฮมต่างจากบ้านพักคนชราอย่างไร ?

ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ “ท้องผูก” อาการที่ไม่ควรมองข้าม
