ผู้ป่วยติดเตียงร้องกลางดึกทุกคืน? ระวังภาวะ Delirium ที่คุณอาจไม่รู้

ทำไมผู้ป่วยติดเตียงถึงร้องกลางดึกทุกวัน? เจาะลึกเบื้องหลังภาวะ Delirium
เมื่อผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยติดเตียงเริ่มมีพฤติกรรมแปลกไป เช่น ร้องโวยวายกลางดึก สับสน หวาดกลัว หรือพูดจาไม่รู้เรื่อง ครอบครัวหลายคนอาจนึกว่าเป็นอาการของสมองเสื่อม (Dementia) หรือความเครียดสะสม แต่ในความเป็นจริง อาการเหล่านี้อาจเกิดจากภาวะที่เรียกว่า Delirium ซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องนอนติดเตียงหรืออยู่ในภาวะพึ่งพิง
Delirium คืออะไร?
Delirium คือภาวะความสับสนเฉียบพลัน (acute confusional state) ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน โดยผู้ป่วยอาจมีอาการสับสน พูดจาไม่รู้เรื่อง รับรู้ผิด มีภาพหลอน หรือมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บางรายอาจ ร้องไห้ โวยวาย หรือหวาดกลัวตอนกลางคืน แต่กลางวันกลับดูปกติ หรือพูดน้อย ซึม เงียบไม่ตอบสนอง
ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นชั่วคราวและ สามารถรักษาได้ หากวินิจฉัยและดูแลอย่างถูกวิธี แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รู้ต้นเหตุ อาจทำให้เกิดอันตราย เช่น การล้ม การถอนสายให้ออก หรือพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ
สาเหตุที่ทำให้เกิด Delirium ในผู้ป่วยติดเตียง
Delirium ไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีสภาพร่างกายอ่อนแอ และมีโรคร่วมเรื้อรัง สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่:
- การติดเชื้อ เช่น ปอดอักเสบ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ แผลกดทับติดเชื้อ
- ขาดน้ำหรือสารอาหารบางชนิด โดยเฉพาะเมื่อไม่สามารถรับประทานอาหารได้เอง
- ผลข้างเคียงของยา เช่น ยานอนหลับ ยาแก้แพ้ ยาระงับประสาท
- ปัญหาด้านการนอนหลับ หรือถูกรบกวนเวลากลางคืน เช่น เปิดไฟหรือเสียงดังตลอดเวลา
- การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมกระทันหัน เช่น เปลี่ยนสถานที่นอน หรือย้ายมาอยู่ศูนย์ดูแล
ทำไมถึงเกิดตอนกลางคืนบ่อย?
หนึ่งในลักษณะสำคัญของ Delirium คือ อาการสับสนในช่วงเวลากลางคืน (Sundowning) ซึ่งมักเกิดเพราะผู้สูงอายุไม่สามารถแยกแยะกลางวันกลางคืนได้อย่างชัดเจน เมื่อแสงน้อยและสภาพแวดล้อมเงียบ ผู้ป่วยที่มีความจำเสื่อมหรือขาดการกระตุ้นสมองจะเริ่ม แสดงพฤติกรรมหวาดกลัว ก้าวร้าว หรือมีภาพหลอน มากขึ้น
การดูแลผู้ป่วย Delirium ที่บ้าน: ทำอย่างไร?
สำหรับครอบครัวที่ดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่บ้าน ควรเน้นการดูแลแบบองค์รวมทั้งร่างกาย จิตใจ และสภาพแวดล้อม เช่น:
- จัดสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่ มีแสงธรรมชาติเพียงพอในช่วงกลางวัน และลดเสียงรบกวนในตอนกลางคืน
- ปรับกิจวัตรให้มีแบบแผน เช่น ตื่นนอน กินข้าว ออกกำลังกายเบา ๆ และเข้านอนให้ตรงเวลา
- กระตุ้นสมองด้วยกิจกรรมเบา ๆ เช่น เปิดเพลงเบา ๆ อ่านหนังสือพิมพ์ หรือให้ดูรูปครอบครัว
- พูดคุยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น และเรียกชื่อผู้ป่วยบ่อย ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้ว่าตนอยู่ในที่ปลอดภัย
- เฝ้าระวังอาการแทรกซ้อน เช่น ไข้ ปัสสาวะมีกลิ่นแรง หรือปัญหาการกลืนอาหาร
เมื่อไหร่ควรพาไปพบแพทย์?
หากผู้ป่วย:
- มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างชัดเจน
- มีอาการซึม ไม่พูด หรือกระวนกระวายไม่ยอมนอนหลายวันติดกัน
- มีไข้ หรือสงสัยว่าติดเชื้อ
- หยุดรับประทานอาหารและน้ำ
ควรรีบพาไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือภาวะขาดน้ำ
ภาวะ Delirium กับภาวะสมองเสื่อม: ต่างกันอย่างไร?
หลายครอบครัวมักสับสนระหว่าง Delirium กับภาวะสมองเสื่อม ซึ่งมีความแตกต่างที่สำคัญ ได้แก่:
ภารกิจของครอบครัว: หัวใจสำคัญของการดูแล
การดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่มีภาวะ Delirium อาจเป็นเรื่องท้าทายและเหนื่อยล้าทางอารมณ์ แต่ความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้ดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการร่วมมือกับทีมแพทย์ พยาบาล หรือ เนอร์สซิ่งโฮมสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ที่มีประสบการณ์
การสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบ ปลอดภัย และมีคนที่ผู้ป่วยไว้ใจอยู่ใกล้ ๆ จะช่วยให้ผู้ป่วยผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้ดีขึ้น ทั้งยังลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือภาวะแทรกซ้อนในอนาคต
บทความที่คุณอาจสนใจ

ตากระตุกไม่ใช่เรื่องของโชคลาง แต่อาจเป็นโรคร้ายที่คุณคาดไม่ถึง

เคล็ดลับดูแลผู้สูงอายุติดเตียง 24 ชั่วโมง ให้ปลอดภัยและสุขสบาย

วิธีเติมความสุขให้ผู้สูงอายุ ในวันที่ลูกหลานไม่มีเวลา

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ดี ต้องมีอะไรบ้าง?

กรดไหลย้อนในผู้สูงอายุ โรคกวนใจที่ไม่ควรมองข้าม
